แน่นอนว่าหลังจากที่วอริกซ์เปิดตัวเสื้อแข่งทีมชาติไทย 2018 เวอร์ชั่นเกรดแฟนบอลไปแล้วพร้อมประกาศไม่มีเวอร์ชั่นจำหน่าย ทำเอาแฟนๆ ทีมชาติไทย นักสะสมเสื้อทีมชาติ ค่อนข้างผิดหวังกันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ที่แสดงอาการผิดหวังอย่างชัดเจน มากๆ ด้วย
ยิ่งเห็นภาพผ่านสื่อต่างๆ ของเวอร์ชั่นเพลเยอร์ ก็ยิ่งผิดหวัง เพราะอยากได้อยากสัมผัสมากๆ
และแล้ว หลังการเปิดตัวเมื่อกลางเดือนมีนาคม จากนั้นประมาณ 2 เดือน คือวันที่ 25 พฤษภาคม ทางวอริกซ์ก็ทำเซอร์ไพร์ซอีกดอก
เมื่อประกาศเปิดจองเสื้อแข่งที่เรียกกว่า Thailand Limited Editon Jersey 2018 เอาง่ายๆ ก็คือเสื้อเหมือนเกรดนักเตะทุกอย่าง แต่ที่แตกต่างก็คือ ไม่มีตรามหาพิชัยมงกุฎ แต่มีธงชาติไทยแทนที่เข้ามา แล้วก็ตรงแท็กชายเสื้อ จะรันหมายเลขนัมเบอร์ ไม่ซ้ำเฉพาะตัว และที่สำคัญเค้าบอกผลิตเพียงแค่ 3,999 ตัวเท่านั้น ปะ
แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ได้จองสักที จนกระทั่งต้นเดือนสิงหาคม เริ่มมีสินค้าตัวลิมิเต็ดสีน้ำเงิน ออกไปสู่ร้านค้าทั่วไป น่าจะเป็นสีเดียวที่กระจายให้ร้านค้า จังหวะนี้แหละเห็นบางร้านเอาขึ้น Shopee ขายแล้วมีส่วนลดซื้อครั้งแรก 200 บาท ผมเลยต้องรีบจัดเลย กดสั่งสีน้ำเงินมาตัวหนึ่ง
เอาล่ะหลังจากรอเพียงแค่ไม่กี่วัน สินค้าก็มาถึงมือเป็นที่เรียบร้อย
วกกลับมาที่รายละเอียดของเสื้อก่อนละกัน ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ผมลองเอาข้อมูลจากวอริกซ์มาให้ดูอีกครั้ง ตามด้านล่างเลย
สำหรับชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยปีนี้ มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ (1) ชุดแข่งเหย้า – สีน้ำเงิน, (2) ชุดแข่งเยือน – สีแดง, (3) ชุดแข่งที่ 3 – สีขาว, (4) ชุดผู้รักษาประตูเหย้า – สีเขียว และ (5) ชุดผู้รักษาประตูเยือน – สีเทา มีจุดเด่นอยู่การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยมาตรฐานเดียวกับสโมสรชั้นนำของโลก
โดยชุดแข่งขันสำหรับนักเตะ (Warrix Player Jersey) ในปีนี้ ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป เนื่องจากถูกออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อนักเตะโดยเฉพาะ เป็นชุดแข่งขันที่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ผสานกับเทคโนโลยี COMBATEC (คอมแบทเทค) ที่วอริกซ์ได้คิดค้นขึ้น
ซึ่ง คุณสมบัติพิเศษมากถึง 7 อย่าง รวมอยู่ด้วยกันในชุดแข่งขัน ทั้งเส้นใยที่ถูกพัฒนาเป็นพิเศษเนื้อผ้าบางเบาเย็นสบาย แห้งเร็ว ระบายความร้อนได้เร็วกว่าเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ปกติถึง 3 เท่า ดูดซับความชื้น และลดอุณหภูมิของร่างกายได้ดี โดยเพิ่มความพิเศษของเส้นใยให้มีความยืดหยุ่นที่ดีเยี่ยมด้วยเส้นใยสแปนเด็กซ์คุณภาพดี และยังสามารถยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมทั้งป้องกันรังสียูวี ทั้งหมดนี้เพิ่อความสบายมากยิ่งขึ้น และเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเตะทีมชาติไทยสามารถดึงเอาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองออกมาใช้ให้ได้อย่างเต็มที่มากที่สุด ทั้งสมรรถภาพของร่างกาย การเคลื่อนไหวต่างๆ ในขณะทำการแข่งขันในสนาม
และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการอัญเชิญตรามหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งเป็นตราพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 สำหรับตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคน มาอยู่บนชุดแข่งขันสำหรับนักเตะด้วย
#ThailandLimitedEdition ผลิตจำนวนจำกัด เพียง 3,999 ตัว มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ (1) ชุดแข่งเหย้า – สีน้ำเงิน, (2) ชุดแข่งเยือน – สีแดง, (3) ชุดแข่งที่ 3 – สีขาว, (4) ชุดผู้รักษาประตูเหย้า – สีเขียว และ (5) ชุดผู้รักษาประตูเยือน – สีเทา พร้อม #รันนัมเบอร์ ไม่ซ้ำเฉพาะตัว มีจุดเด่นอยู่การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยมาตรฐานเดียวกับสโมสรชั้นนำของโลก ผลิตด้วยเทคโนโลยีผ้า Combatec พร้อมโลโก้สั่งทำพิเศษ แบบฉบับเดียวกับที่นักเตะสวมใส่ลงสนาม ราคา 1,990 บาท
นั่นคือรายละเอียดทั้งของเสื้อแข่งเพลเยอร์ และตัวลิมิดเต็ด เดี่ยวได้ลองเอามารีวิว เปรียบเทียบกันดูชัดๆ ว่ามีตรงไหนบ้างที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งที่มองด้วยตาเปล่าก็มีแค่ 2 จุดที่บอกนะล่ะ อย่างอื่นๆ ก็แทบจะเหมือนกันหมด
ก่อนอื่นไปดูคลิปแกะกล่อง เสื้อทีมชาติไทย ลิมิเต็ด ตัวนี้ก่อนครับ
เอาล่ะ เรามารีวิวเสื้อฟุตบอล ทีมชาติไทย Thailand Limited Editon Jersey 2018 / Changsuek The Genesis Collection 2018 ตัวนี้กันต่อ พอได้มาก็ค่อยๆ แกะ ร้าน NICE2YOU จากเมืองนครพนม อยากบอกว่า เค้าห่อมาเป็นอย่างดีจริงๆ ห่อถึงสองชั้นด้วยกัน กว่าจะถึงกล่องเสื้อ และที่พิเศษทางร้านส่งดอกมะลิ มาให้ด้วย 3 ดอก เพราะตอนที่สั่งผมสั่งในช่วงวันแม่พอดี 55++ น่ารักมาก
สภาพกล่องหลังแกะพลาสติกสองชั้น รวมถึงแผ่นกันกระแทกด้วย แต่สภาพก็ยังดูยุบๆ หน่อย แต่ก็โอเค ไม่หนักหนาอะไร
ต้องยอมรับว่า คอนข้างพอใจกับแพ็คเกตที่ได้รับมา ภาพสัญญลักษณ์ช้างศึก โลโก้ใหม่ของทีมชาติไทย พร้อมมมมมกับคำว่า Changsuek The Genesis Limited Edition โคตรเท่
ได้เวลาเปิดออกมาดูแล้ว เสื้อมาพร้อมกับถุงผ้าพร้อมไม้แขวนเสื้อเช่นเคย ปีที่แล้ว 2017 จะเป็นสีขาว กับสีดำ แต่ปีนี้ น่าจะเป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีขาว ลวดลายชีพจรหัวใจ
ลองเอามาห้อยดูก่อน จะเปิดดูเสื้อด้านใน ด้านนี้เป็นถุงผ้าด้านหน้าและด้านหลัง
ป้ายแท็กบอกราคาเสื้อรุ่นนี้ 1990 บาท
พอแกะเสื้อออกมา สิ่งแรกที่ผมต้องเปิดดูก็คือ รายละเอียดที่คอเสื้อด้านในนิล่ะ พอเปิดออกมาก็ โอเค นิมันเหมือนกับเวอร์ชั่น เพลเยอร์เปะเลย แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง ก็การผลิตล็อตเดียวกันนินะ จะต่างเพียงแค่มีตรามงกุฏหรือไม่แค่นั้นจริงๆ
ลายละเอียดของแขนเสื้อ เป็น ลวดลาย Warrior’s Pulse บนตัวเสื้อด้านใน สื่อความหมายถึงชีพจรนักรบ ความเป็นนักสู้ของผู้สวมใส่ และยังมีนัยยะสำคัญถึงการหลอมรวมทุกจังหวะการเต้นของชีพจรหัวใจคนไทยทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว
และสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากเพลเยอร์ก็คือ แท็กชายเสื้อด้านซ้าย จะบอกลำดับหมายเลขนัมเบอร์ของรุ่นลิมินเต็ด ที่มีเพียง 3990 ตัวเท่านั้น ตัวนี้ได้หมายเลข 2184
โลโก้วอริกซ์ ก็สวยงาม เหมือนเพลยเยอร์อีกแล้ว
แน่นอนสิ่งที่แตกต่างก็คือ ธงชาติไทย กรอบสีทองแผ่นนี้นั่นเอง หากเป็นเพลเยอร์จะเป็นตรามงกุฏ แต่ถ้าลิมิเต็ด ก็เป็นธงชาติแบบนี้ แน่นอนว่า ขนาดธงชาติใหญ่ไปนิดหนึ่ง หากเล็กว่านี้ เชื่อว่าสวยงามขึ้นแน่นอน
ด้านในแท็กตรงชายเสื้อ
ลองมาพลิกเสื้อด้านในดูสิ จะเป็นแบบไหน เวอร์ชั่นเพลยเยอร์ หรือลิมิเต็ด จะใส่ได้เพียงด้านเดียว ไม่เหมือนเกรดแฟนบอล ที่สามารถสลับสับเปลี่ยน ใส่ได้ทั้งสองด้าน
MISSION OF HONOR ตรงด้านหลังโลโก้ทีมชาติไทย
ลายการตับเย็บ ของเสื้อด้านใน
มีธงชาติไทย เป็นแผ่นยาวบริเวณลำตัว ขึ้นไปจนถึงรักแร้
เปรียบเทียบเสื้อ ทั้งด้านในและด้านนอก
สรุปแล้ว แฟนบอลอย่างเราๆ คงหมดหวังแล้วล่ะที่จะได้ชื่นชมเสื้อทีมชาติไทย เวอร์ชั่นเพลเยอร์เหมือนนักเตะสวมใส่เวลาลงสนาม หากเพียงแต่สิ่งที่พอจะมาทดแทนได้้้้้ ก็คงเป็นตัว ลิมิเต็ดตัวนี้นั่นแล สำหรับราคาก็ค่อนข้างแพงไปหน่อย คือ 1990 บาทต่อตัว หากใครเป็นนักสะสม ก็คงต้องเก็บทั้ง 5 ตัว ตกเป็นเงินหมื่นหนึ่งพอดี
ก็หวังว่า เวอร์ชั่นหน้า 2019 วอรริกซ์จะทำได้ดีกว่านี้ นั่นก็คือ เข้าใจแฟนบอลมากกว่านี้ ทำอย่างไรก็ได้ให้แฟนบอล ได้สะสมเสื้อเหมือนๆ กับนักเตะใส่ หากทำได้เพียงเท่านี้ก็เชื่อว่า คุณจะได้ใจแฟนบอลแน่นอน
.
Related posts:
Comments แสดงความคิดเห็น
Powered by Facebook Comments